จังหวัดกาญจนบุรีประกาศข้อปฏิบัติเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙

13 มกราคม 2564
 ประเภท : ข่าวประชาสัมพันธ์
ข้อมูลรูปที่เกี่ยวข้อง

จังหวัดกาญจนบุรีประกาศข้อปฏิบัติเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ จะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกหรือ ปรับ และทั้งจำทั้งปรับจึงขอให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดกาญจนบุรี ออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนให้ดำเนินการเพื่อป้องกันมิให้เกิดการระบาดลุกลามเป็นวงกว้างต่อไป ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ การห้ามใช้หรือเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดโรค ห้ามประชาชนใช้ เข้าไป หรือ อยู่ในพื้นที่ สถานที่ หรือพาหนะที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรคตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อได้ประกาศหรือสั่งตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อป้องกันและควบคุมมิให้เกิดการแพร่ของโรค
ข้อ ๒ การปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ออกคำสั่งโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ พิจารณาสั่งปิดสถานที่ที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดโรคและการแพร่ของโรคไว้เป็นการชั่วคราว
ข้อ ๓ การห้ามชุมนุม ห้ามมิให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ทั้งนี้ ภายในเขตพื้นที่ที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงประกาศกำหนด
ข้อ ๔ มาตรการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการ เฝ้าระวัง ตรวจและคัดกรองการเดินทางและการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ทั้งนี้ เป็นไปตามมาตรการ ที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามข้อเสนอของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19)
ข้อ ๕ การปฏิบัติและบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค ให้ส่วนราชการ พนักงานเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ได้เคยกำหนดไว้ในข้อกำหนด (ฉบับที่ ๑๑) ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ และข้อกำหนด (ฉบับที่ ๑๔) ลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ อย่างเคร่งครัด
ข้อ ๖ การประสานงาน ให้ ศปก.ศบค. ซึ่งมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ทำหน้าที่เป็นหน่วยปฏิบัติการขับเคลื่อน เร่งรัด และติดตามการปฏิบัติงาน ของส่วนราชการและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือในการปฏิบัติงาน ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 และเพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินสามารถยุติลงได้โดยเร็วควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และศูนย์ปฏิบัติการต่าง ๆ ภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 พิจารณามาตรการและเร่งรัดการปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่รวดเร็ว และชัดเจนเป็นรูปธรรม รวมทั้งสนับสนุนการปฏิบัติงานของ ศปก.ศบค. ตามที่ได้รับการร้องขอ หรือประสานงาน
ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการทั้งในส่วนของประชาชนและพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามข้อกำหนดนี้ ให้หารือ ศปก.ศบค. และคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ตามลำดับ
ข้อ ๗ เพื่อให้การกำหนดมาตรการป้องกันโรคเป็นไปในแนวทางเดียวกัน การออกประกาศ หรือคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดตามข้อ ๑ หรือข้อ ๒ เพื่อการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ ให้ดำเนินการตามมาตรการหรือแนวปฏิบัติที่นายกรัฐมนตรีหรือตามที่ ศบค. กำหนด
ให้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขและศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 กระทรวงมหาดไทย ร่วมกันพิจารณาประเมินและกำหนดพื้นที่สถานการณ์เพิ่มเติมเพื่อการบริหารจัดการ และเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดใหม่ ตามแนวทางและเงื่อนไขการจัดเขตพื้นที่ สถานการณ์ ที่ ศบค. กำหนด และเสนอต่อ ศปก.ศบค. และนายกรัฐมนตรีทราบต่อไป
ข้อ ๘ ให้บรรดาประกาศหรือคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัด หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อเพื่อการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นคำสั่งตามข้อกำหนดนี้ ให้บรรดาประกาศหรือคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัด หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อเพื่อการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ได้ประกาศหรือสั่งไว้ก่อนวันที่ข้อกำหนดนี้ใช้บังคับซึ่งถือว่าเป็นประกาศหรือสั่งตามข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ยังมีผลบังคับใช้ต่อไปเช่นเดิม จนกว่าจะได้มีข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิด ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การดำเนินการตามมาตรการนี้เป็นการดำเนินการชั่วคราวจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่น กรณีมีความจำเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี อาจประกาศเปลี่ยนแปลงหรือลดเงื่อนไข ตามประกาศนี้ได้ ประกาศใดขัดหรือแย้งกับประกาศนี้ให้ใช้ประกาศฉบับนี้แทน
จึงประกาศมาเพื่อทราบ และถือปฏิบัติโดยทั่วกัน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓

 

ข้อมูลไฟล์ที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีข้อมูล!!