คำสั่งกำหนดพื้นที่ให้จังหวัดกาญจนบุรีเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด

13 มกราคม 2564
 ประเภท : ข่าวประชาสัมพันธ์
ข้อมูลรูปที่เกี่ยวข้อง

จังหวัดกาญจนบุรีออกคำสั่งกำหนดพื้นที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จังหวัดกาญจนบุรี เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด โดยให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม จะมีความผิด ทั้งจำคุก หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดกาญจนบุรี มีคำสั่งกำหนดพื้นที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จังหวัดกาญจนบุรี เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดโดยให้ปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
1. ห้ามการใช้อาคารและสถานที่ที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค โดยห้ามการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภทเพื่อจัดการเรียน การสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทำกิจกรรมใดๆ ที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก เว้นแต่กรณี ดังต่อไปนี้
1.1 เป็นการเรียนการสอนหรือกิจกรรมเพื่อการสื่อสารแบบทางไกลหรือวิธีอิเล็กทรอนิกส์
1.2 เป็นการใช้อาคารหรือสถานที่เพื่อให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ อุปถัมภ์ หรือให้การอุปการะ แก่บุคคล
1.3 เป็นการจัดกิจกรรมของทางราชการหรือกิจกรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี
1.4 เป็นโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาที่มีขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียนรวมทั้งโรงเรียน ไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบคน หรือเป็นโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน หรือให้เป็นไปตามมาตรการที่หน่วยงาน ต้นสังกัดกำหนด
2. ห้ามการจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค โดยห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากและมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย เช่น การประชุม สัมมนา การจัดเลี้ยง การแจกจ่ายอาหารหรือสิ่งของต่าง ๆ หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการให้จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม ไม่เกิน 200 คน โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคฯ แนบท้ายคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 2038/2563 ลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 ข้อ 1 ฉ.
3. เงื่อนไขการเปิดดำเนินการ โดยให้สถานที่ กิจการ หรือการทำกิจกรรม ดังต่อไปนี้ เปิดดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา และการจัดระบบและระเบียบต่างๆ ที่กำหนด ดังนี้
3.1 ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม ในโรงแรม สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง โรงพยาบาล ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ รถเข็น หาบเร่ แผงลอย ซึ่งไม่รวมถึงสถานบริการ ผับ บาร์ ให้ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด สำหรับร้านอาหารหรือสถานที่ซึ่งจำหน่ายสุรา ห้ามการบริโภคสุรา และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน
3.2 ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดโดยให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคฯ แนบท้ายคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 2038/2563 ลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 ข้อ 1 ข. ทั้งนี้ สำหรับเวลาเปิด - ปิด ทำการ ให้ดำเนินการตามปกติ ( มีภาพแนวทางแนบอยู่ในภาพประกอบ)
3.3 ร้านค้าปลีก/ค้าส่งขนาดย่อม ร้านค้าปลีก/ค้าส่งชุมชน ตลาด ให้เปิดได้โดยต้องควบคุมทางเข้าออก จัดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้ให้และผู้ใช้บริการ การเว้นระยะห่างในการเลือกสินค้า และการชำระราคา
3.4 ร้านเสริมสวย แต่งผม หรือตัดผม สำหรับบุรุษหรือสตรี ให้ปฏิบัติตามมาตรการ การป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด
3.5 สนามกีฬา เฉพาะกีฬาประเภทกลางแจ้งและตามกติกาสากล ผู้เล่นต้องมีระยะห่าง ทางสังคมและไม่คลุกคลีกันอยู่แล้ว เช่น สนามกอล์ฟหรือสนามฝึกซ้อมกอล์ฟ เทนนิส ขี่ม้า ยิงปืน ยิงธนู และต้องไม่มีผู้ชมมาชุมนุมกันหรือเป็นการแข่งขัน ในกรณีของสโมสร คลับเฮาส์ หรือร้านอาหารในบริเวณดังกล่าวให้ปฏิบัติตามข้อ 3.1
3.6 สวนสาธารณะ ลาน – พื้นที่กิจกรรมสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกาย สนามกีฬา ลานกีฬา ให้เปิดได้เฉพาะพื้นที่โล่งแจ้งเพื่อการเดิน วิ่ง ขี่หรือปั่นจักรยาน หรือการออกกำลังกายด้วยวิธีอื่น เป็นส่วนบุคคล โดยไม่มีผู้ชมมาชุมนุมกันหรือเป็นการแข่งขัน การละเล่น การแสดง
4. มาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในพื้นที่ ให้เจ้าของหรือผู้จัดการสถานที่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบการดูแลรักษาความสะอาดของสถานที่ ภาชนะ และอุปกรณ์ที่ใช้ และจัดให้มีมาตรการป้องกันโรค ที่ทางราชการกำหนด เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมหน้ากากอนามัย การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดระบบอื่นๆ ให้เป็นไปตามคำแนะนำ เงื่อนไขและเงื่อนเวลาที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีหรือทางราชการกำหนด เช่น การเข้าใช้บริการโดยนัดหรือแจ้งล่วงหน้า การไม่ให้ผู้ใช้บริการหลายคน รออยู่ในสถานที่เดียวกัน การจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการในแต่ละคราว และการเข้าใช้บริการ ทั้งนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจและให้คำแนะนำ หรือตักเตือนห้ามปรามได้ตลอดเวลา หากพบว่ามีการฝ่าฝืนหรือเป็นอันตราย ต่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคให้เสนอผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยว่าด้วยโรคติดต่อสั่งปิดสถานที่เฉพาะรายการ
5. ให้งดการปฏิบัติศาสนกิจและศาสนพิธีของทุกศาสนา ที่มีการรวมกลุ่มจำนวนตั้งแต่ 20 คน ขึ้นไป ณ สถานที่ใด ๆ เว้นแต่กรณีจำเป็นให้นายอำเภอพิจารณาอนุญาตเป็นกรณีไป
6. การตรวจคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัด ให้ประชาชนงดหรือชะลอการเดินทาง ข้ามเขตพื้นที่จังหวัด เว้นแต่กรณีเหตุจำเป็นซึ่งต้องแสดงเหตุผลและหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมทั้งเข้ารับการตรวจคัดกรองและต้องปฏิบัติตามาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด
กรณีประชาชนที่เดินทางมาจากจังหวัดอื่นและพำนักพักค้างคืนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ต้องรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในท้องที่ เพื่อรับการตรวจคัดกรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางจากเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด ต้องกักตัวตามมาตรการป้องกันโรค (Home Quarantine)
7. ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ยกเว้นการสัญจรเพื่อไปประกอบอาชีพตามปกติ
8. ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนพิจารณารูปแบบการปฏิบัติงาน ในช่วงระยะเวลานี้ ซึ่งอาจเป็นการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง หรือการสลับวันหรือการเหลื่อมเวลาเข้าปฏิบัติงาน เพื่อลดจำนวนผู้ปฏิบัติงาผู้ปฏิบัติงานและปริมาณการเดินทางซึ่งเป็นมาตรการลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
9. มาตรการพื้นที่ควบคุมสูงสุดให้ปฏิบัติ ดังนี้
9.1 เร่งรัดการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกและการสอบสวนโรคอย่างเต็มขีดความสามารถ
9.2 ค้นหาและจับกุมกลุ่มบุคคลที่มั่วสุมทำผิดกฎหมาย ซึ่งจะมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด
9.3 ควบคุมการเข้า-ออก ของยานพาหนะ และบุคคลคนไทย โดยมิให้กระทบต่อการค้าและการอุตสาหกรรมมากเกินความจำเป็น
9.4 งดจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมากทุกรูปแบบ
9.5 ให้มีการ Work From Home อย่างเต็มขีดความสามารถ
ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้โดยไม่มีเหตุอันสมควรจะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับอนึ่ง ประกาศหรือคำสั่งใดที่ขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้ ให้ใช้คำสั่งนี้แทน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง สั่ง ณ วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2564

 

ข้อมูลไฟล์ที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีข้อมูล!!